สวัสดีค่ะทุกคนนนนนนนนนนน! ห่างหายจากการรีวิวครื่องสำอางไปปีกว่าๆ
นานจนลืมรหัสผ่านของเว็บไปเลยทีเดียวเชียวล่ะ T_____T
วันนี้วันดี ฤกษ์ดีมีชัย(?) ไม่ใช่อะไร สารภาพว่า “ว่าง” ค่ะ...เนื่องจากมหาลัยเลื่อนเปิดเทอมตามแบบอาเซียน..
ซึ่งเท่ากับว่าเรานั้นปิดเทอมแห้งเหี่ยวอยู่บ้านมาเกือบจะ 6 เดือนแล้ว กินก็แล้ว
นอนก็แล้ว อืดจะแย่แล้ว ก็ยังไม่หายเบื่อซักที เลยถือโอกาสเคาะสนิมปัดฝุ่น
กลับมาอัพบล็อกกันซักกะนิดดีกว่า อิๆ
ที่จะมารีวิววันนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วบนหัวเรื่องเนอะ “Must
Have Items” ชะละล่า ใช่แล้วครับผมมมม
เราจะมารีวิวเครื่องสำอางที่ใช้ประจำและขาดไม่ได้
ซึ่งบอกก่อนเลยว่าทุกสิ่งอย่างนั้นผ่านการทดลองใช้ด้วยตัวเราเองมาหมดแล้วทุกชิ้น
ใช้มานานม๊ากกกกกกก รวมถึงบางตัวนั้นถึงขั้นใช้ซ้ำไม่ปันใจไปให้ตัวอื่นเลยด้วย ฮี่ๆ
อยากรู้กันแล้วใช่มั้ยล่ะคะ เดี๋ยวเราไปดูภาพรวมกันเลยดีกว่าเนอะ
(แต่งรูปจนเสร็จหมดแล้ว
เพิ่งเห็นว่ามีซัมติงบางอย่างโดนบัง ;___; มันคือแป้ง Ben Nye ที่สาวๆจีบันคุ้นเคยกันดีนี่แหละค่ะ ขออภัยในความเบลอของเราด้วยน้า5555)
มาค่ะ จะช้าอยู่ไย
มาเริ่มที่สรรพสิ่งจิงกะเบลอย่างแรกกันเลย อยู่ในหมวด Foundation ที่เราใช้โบกหน้าก่อนออกนอกบ้าน
คุณพี่สองตัวนี้มาจากแบรนด์เกาหลี๊เกาหลีที่แฟนๆโทมินจุนชี่แบบเราคงรู้จักดี
Etude House ค่า
จากด้านซ้ายที่เป็นตลับกลมๆมีติ๊กเกอร์เสี่ยวๆติดอยู่
คือ
Etude Precious Mineral
Any Cushion SPF50+/PA+++#W13
ตัวนี้เราพรีออเดอร์มาจากในเว็บนะคะ
ราคาอยู่ที่ประมาณ 500 กว่าบาท
เพราะฉะนั้นสีตลับอาจจะต่างจากในช็อปที่เป็นตลับสีชมพูเนาะ
สำหรับตัวนี้ประทับใจตรงความผ่อง ปาดฉึบๆในวันเร่งรีบก็จะได้ลุคใสๆไม่หนักหน้า
แถมกลิ่นยังหอมมากๆอีกด้วย แต่เราว่าบางทีใช้เดี่ยวๆมันขาวเกินไป
เราเลยชอบเอามาผสมกับเจ้าหลอดข้างๆซึ่งเป็นบีบีครีมเหมือนกัน
Etude Precious
Mineral BB Cream Cotton Fit SPF30/PA+ # W24
สำหรับเจ้าบีบีอันนี้เป็นสีเข้มสุดนะคะ
ซึ่งมาอีหรอบเดิม ปาดเดี่ยวแล้วหน้าหมอง เราคิดว่าคงมาจากการที่ไม่ค่อยได้โดนแดด
ผิวเราเลยอาจจะขาวขึ้น แต่ก็ยังขาวไม่สุดถึงขั้นจะใช้สี W13 ได้
เพราะฉะนั้นตัดปัญหาจับสองสีมาผสมกันซะเลย
พูดถึงเรื่องคุมมัน
เราว่าค่อนข้างคุมมันได้ดีพอสมควรเลยนะคะ
ไม่ต้องใช้ไพรเมอร์หรือเบสลงก่อนก็ช่วยให้หน้าผ่องได้
ไม่เยิ้ม ไม่ไหล
ไม่ต้องเติมระหว่างวันด้วย สรุปคือ โอเคเลย ขาดเธอไม่ได้อย่างแน่นอน
มาถึงชิ้นต่อไปก็ยังคงอยู่ที่แบรนด์เดิม
ฮือ รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้เลิฟโทมินจุนชี่และผองเพื่อนมากขนาดไหน55555555
คือโดยส่วนตัวรู้สึกโอเคกับเครื่องสำอางยี่ห้อนี้จริงๆค่ะ
ราคาไม่เกินเอื้อมมาก แถมยังได้ลุคใสๆสมวัยนักศึกษา และที่สำคัญแพคเกจของนาง
ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งชวนสอยเสมอ อย่าๆ อย่ามองเก๊าแบบนั้น เก๊ารู้คุณก็เป็น .____.
เห็นหน้าค่าตากันแล้ว
เชื่อว่าคงเป็นชิ้นโปรดของใครหลายๆคน
Etude House
Surprise Stick Concealer #2 สำหรับผิวขาวเหลือง-ผิวสองสี
เราว่านางเริ่ดนะ
นางเอาแพนด้าตัวใหญ่สองตัวใต้ตาเราอยู่อ่ะ แถมใช้ง่าย สะดวก ปาดฉึบๆ
ใต้ตาสว่างบริ๊ง แถมยังไม่ตกร่องด้วย บางทีมีสิวก็ใช้กลบสิวได้
แบบไม่ก่อกวนให้พี่สิวเห่ออีก แล้วจะให้ตัดใจจากนางได้ยังไงชิมิคะ
แอบกระซิบอีกอย่างคือปริมาณคุ้มฝุดๆ
เป็นคอนซีลเลอร์ตัวแรกที่เราใช้ ใช้มานานแบบนานมากกกกกก นางพึ่งจะพร่องไปแค่ครึ่งเดียวเองค่ะ
ยกให้เลยที่หนึ่งในดวงใจ จุ๊บๆ
ฮันน่อววว
ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆให้ลึกซึ้ง คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว สำหรับแป้งยอดฮิตตัวนี้
Ben Nye Luxury Powders สี Buff ขนาด 1.5 oz
ถามจริง
คุ้มกว่านี้มีอีกหม้ายยยยยยยยยยยยยยยย ลากเสียงยาวๆ เพราะมันคุ้มจริงๆอะยูววว์
เป็นอีกตัวที่ใช้มานาน
ใช้ทุกวัน ใช้แล้วใช้อีก แอบทำหกด้วย แต่คุณพี่เพิ่งจะหมดไปแค่นี้
(ตามที่เห็นในรูปเลยจ้ะ) คือแบบบบบบบบ คุ้ม!!!! คุ้มค่ากับราคาที่ตำมา
ตอนแรกแอบลังเล ไม่กล้าซื้อ เพราะรู้สึกว่ามันกระปุกเล็กไม่สมราคา
แต่ตอนนี้กล้านั่งยัน ยืนยัน นอนยันว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ซื้อมา
พูดถึงความกริบของนาง..คือไม่ยอมใครจริงๆ
คอนเฟิร์มเลยว่าใช้กับแปรงแล้วปัดเบาๆให้ทั่วหน้าหลังลงพวก Foundation นะ โอโห รอดค่ะ! อยู่ทนอยู่นาน ผ่องเช้ายันเย็นเลย
ต่อไปมาถึงหมวดอำพรางใบหน้ากันบ้าง
Etude House Aloha V Slim Line Maker เบอร์ 01 Wood Brown
เป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆ
เห็นได้ชัดว่าด้านซ้ายจะยุบไปก่อนเยอะมากกกกกกกกกก
สำหรับฝั่งบรอนเซอร์ นางคือตัวที่ทำให้หน้าแลดูเรียว จมูกแลดูมีดั้ง
(เฉพาะมุมตรง) เสยมุมข้างมาก็โอเคค่ะบาย ความลับเปิดเผยว่าดั้งไม่มี ถถถถถถถถถ
ไม่มีอะไรจะว่าให้มากความ เพราะของเค้าดีจริงๆ
มาพูดถึงฝั่งขวา ด้านไฮไลท์ เป็นสีทองวาวๆวิ้งๆ ซึ่งเราเอามาใช้ทาหัวตาแทน
Tear Drop Liner บอกเลยว่ามันเลิศศศศ ตาดูสว่างสดใส บริ๊งมากกกกก
ที่สำคัญคือน่าจะใช้ได้นาน คิดว่าคงหมดอายุก่อนใช้หมดนะคะ เพราะปาดเท่าไหร่นางก็ไม่ลดซักที5555
ตระกูลบลัชออนคู่ชีพ
ก็ยังเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ยังถอนตัวจาก Sleek ไม่ขึ้น หลังจากที่เคยรีวิวบลัชออนไว้เมื่อปีที่แล้ว
แต่มาปีนี้ก็ขอเปลี่ยนสีกันหน่อย คือสารภาพว่าอันเก่าที่รีวิวไปยังไม่หมดนะคะ
แค่ไม่ค่อยได้หยิบมาใช้ เพราะเจอสีที่ถูกใจกว่าแล้ว
Sleek makeup
blush # Flamingo
แค่ชื่อสีก็ฟรุ้งฟริ้งฟลามิงโก้ละปะเธอ
บลัชตัวนี้ได้มาจากเพื่อนสนิทค่ะ เป็นของขวัญวันเกิดที่ถูกใจมากถึงมากที่สุด
ตอนแรกก็แอบกลัวๆสีนางนะ แบบ เฮ้ยยย ทำไมของจริงสีมันแปร๊ดงี้ฟะ ปัดแล้วจะรอดเหรอ
สรุปคือรอดนะคะ ปัดหลังลงบีบีครีมเสร็จ
แล้วตบด้วยแป้งนะ หืมมมมมม ทิ้นต์ก็ทิ้นต์เหอะ เจอบลัชออนอันนี้ไปนะ
แก้มงี้ใสอมชมพูแบบธรรมชาติสุดๆ รักเลย ♥
ส่วนอันข้างๆกัน เพื่อนๆอาจจะรู้จักกันในหมวดลิปสติก
Etude House Color
Lips - Fit สี OR201
ได้มาเพราะกิเลสที่ดูรีวิวตามเว็บต่างๆ
คือทำไมแต่ละคนปาดแล้วสวยขนาดเนร้ ไม่ได้ละ ต้องตำมาบ้าง ผลสรุปคือ
มันไม่เข้ากับปากเรา ฮรือวววววววววววววววววววววววว ใช้แล้วปากลอย
หน้าดำอย่างบอกไม่ถูก เลยเอามาทาแค่ด้านในปากแล้วเอาลิปสีอ่อนกว่ากลบ
แต่พักหลังเจอลิปสติกที่ดีกว่า ก็เลยเอานางมาใช้ทำอย่างอื่น
แล้วเราก็ค้นพบ! นางสวยมากถ้าอยู่บนแก้มค่ะคุ๊ณณณณณณณณณณ
ไม่ต้องมีคำบรรยาย (อีกแล้ว) วันไหนอยากได้แก้มสีส้มอมชมพูก็จัดการเลยค่ะ
แต้มนางลงบนแก้มเบาๆ ย้ำว่า เบาๆ นะคะสาวๆ เกลี่ยๆ ตบแป้งฝุ่นทับ
เลิศอีกแล้วค่า ติดทนเช้ายันเย็นจริงๆ เป็นอีกอันนึงที่ขาดไม่ได้
ช่วงนี้แอบหยิบใช้บ่อยกว่าสลีคด้วย ;_______;
โปรดอย่าตกใจกับความกรังของลิปสติกนะคะ
เขิน5555
อาจจะงงๆว่ายี่ห้อนี้มีสติ๊กเกอร์เด็กอนุบาลติดมาด้วยเหรอ
คือไม่ใช่นะ เราติดเอง กรั่กๆ
Wet n Wild สี Just
Peachy และ Bare it All
สียอดฮิตของแบรนด์นี้เลยแหละเนาะ
คือจะว่ายังไงดี คือรักอะ55555555 สวยมาก พิกเม้นต์แน่นมาก ลิปสติกอะไรคะ ฮือ
เป็นลิปที่ทาเดี่ยวก็รอด
จับมาผสมกันก็รุ่ง โฮร้ยยยยยยยย สี Just Peachy จะเป็นสีชมพูที่ไม่แปร๋นมาก
ไม่ถึงกับบาร์บี้ สามารถทาไปได้ทุกโอกาส ได้ทุกสีผิว เช่นเดียวกับ Bare it
All นู้ดอมชมพูที่ทาไปงานไหนก็รอด ไม่แต่งหน้าแล้วทายังรอด
ได้ลุคสวยหรูดูแพง สวยแบบสุภาพด้วยค่ะ
สำหรับเรื่องราคา
ถ้าเป็นตามเคาน์เตอร์ของแบรนด์นี้ที่มีอยู่ในวัตสันหรืออีฟแอนด์บอย ราคาจะอยู่ที่
139 บาท แต่ ประเด็นคือไปไม่เคยทัน ของหมดก่อนตัลหลอดดดดดด
สุดท้ายก็ต้องมาพึ่งร้านเครื่องสำอางซึ่งบอกเลยว่าให้ใจเย็นๆนะคะ ค่อยๆเลือกซื้อ
เพราะราคามีอยู่ที่ 130-270 บาท ขุ่นพระ กำไรแบบเท่าตัวเลยทีเดียว
เพราะงั้นมีสติในการซื้อของนะทุกคน
ทางด้านขวาสุดคือ
Maybelline Baby Lips Dr.Rescue
ลิปมันที่ช่วยบำรุงริมฝีปากของเราไม่ให้แห้ง
ทาทิ้งไว้ก่อนนอนและก่อนลงลิปสติก ช่วยให้สีลิปติดทน ไม่ตกร่อง รักมาก
ถูกจริตมากจริงๆ ใช้มาเข้าแท่งที่ 3 แล้วครับผม อิๆ
ใกล้จะจบกับใบหน้าแล้ว เย้
มาถึงหมวดสุดท้าย ที่ยังไม่ท้ายสุด คือหมวดตาและคิ้วนะฮับบบบ
พี่เบิ้มด้านซ้ายหลอดสีฟ้าๆคือมาสคาร่าที่มีหัวแปรงอันใหญ่เท่าบ้าน! (ไม่ได้แซะนะ
นี่คือเรื่องจริง)
Essence Get Big
Lashes Volume Boost Waterproof mascara
ตามจริงเคยอ่านรีวิวของขุ่นแม่บล็อกเกอร์ทางตะวันตกมาบ้างนะ
แต่ไม่คิดว่านางจะอันใหญ่ขนาดนี้5555
เราซื้อมาตอนร้าน Tsuruha ลดราคา
เป็นอะไรที่เวิร์คมากจริงๆ ขนตาหนา ยาว สะพรึงแบบไม่ต้องพึ่งขนตาปลอม มันดีอะ
อยากให้ไปลองดูนะคะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 130-140 บาท เทียบกับปริมาณแล้วคือคุ้ม
เหมาะกับนักศึกษาแบบเราๆจริงๆ
อันต่อไปข้างๆกัน
แน่นอนว่าเป็นที่หนึ่งในใจสาวๆอยู่แล้วแหละเนอะ
Etude House oh my
eye line liquild eye liner
อายไลเนอร์ราคาเบาๆที่ใช้ง่ายที่สุดในสามโลก
แถมยังทนมาก ไม่แพนด้าระหว่างด้วย ตอนนี้ก็ใกล้จะหมดแล้ว
เดี๋ยวต้องไปซื้อมาตุนไว้ก่อน เพราะมั่นใจว่าคงไม่เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นแล้วจริงๆ
สุดท้ายสำหรับหมวดนื้นะคะ
Skin Food Black
bean eye brow pencil #3 สีดำอมน้ำตาล
ดินสอเขียนคิ้วที่ขาดไม่ได้
มีสต็อกตุนไว้เพียบเผื่อเลิกผลิต55555555555555555555555 คือของเค้าดีอะ
ใครจะว่าไงไม่รู้แต่สิ่งนี้ถูกจริตกับเราที่สุด
เราไม่ชอบดินสอเขียนคิ้วที่หัวตัดๆเฉียงๆอะ เรามือหนัก ปาดแล้วชอบหัก คือเสียดาย ;(
มาเจออันนี้นี่คือใช่เลย คู่แท้ที่พี่ตามหามานาน
ใช้ง่าย สะดวก ด้านนึงเป็นดินสอ อีกด้านเป็นหัวแปรงไว้ปัดเพื่อความกลมกลืน รักครับ
เฮ้
อย่างสุดท้ายสำหรับวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น