วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

[Nirinn96*Review] Victoria's Secret Fragrance Mist Gift Set ♥




สวัสดีค่า ลูกหมูนะคะ เย้ะ! ช่วงนี้มีเวลาว่างเยอะขึ้น เพราะมหาลัยปิดเทอมแล้ว เลยถือโอกาสทำรีวิวซะเลย ก็ใกล้ปีใหม่แล้วเนอะ เหลืออีก 1 วันก็จะเข้าสู่ปี 2015 กันแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆเลย ยังไงก็ขออวยพรล่วงหน้าให้ทุกคนมีความสุขมากๆในปี 2015 นี้นะคะ คิดสิ่งใดสมความปรารถนา สุขภาพร่างกายแข็งแรง พร้อมฝ่าฟันทุกอย่างที่เข้ามา ขอให้เป็นปีที่ดีของทุกคนเลยน้า

มาค่ะ เข้าเรื่องของเราก็เลยดีกว่า วันนี้จะมารีวิวของขวัญชิ้นแรกที่ได้มาในเทศกาลแห่งความสุขแบบนี้นะคะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าเป็นของขวัญที่ถูกใจม๊ากกกกกกกกกกกกกกก! เนื่องจากว่าเราเป็นคนบ้าอะไรที่หอมๆ หลังจากปวารณาตัวเป็นทาสของ Bath and Body Works (ซึ่งตอนนี้มีสาขาที่ไทยแล้วเรียบร้อย) แล้วก็วอแวกับครีมอาบน้ำ โลชั่นนู่นนี่มาตลอด พอมาเจอแบรนด์ Victoria’s Secret ก็เลยทำให้อยากลองใช้ดูบ้าง เพราะได้ยินเสียงร่ำลือมานานแต่ไม่มีโอกาสได้ลองซักกะที จนได้เจ้ากิ๊ฟเซ็ตนี้มา ฟินม๊ากกกกกก อดใจไม่ไหวเลยมาทำรีวิว (+แอบเห่อ) ซะเลย คริๆ




            อันนี้เป็นหน้าตาของถุงกระดาษที่ใส่กิ๊ฟเซ็ตนี้มานะคะ สีชมพูหวานแหววแต๋วจ๋าฟรุ้งฟริ้งกิงก่องแก้วมากๆพูดเล่อะ ด้านในก็จะเป็นกล่องสีเหลี่ยมผืนผ้าลายเสือดาว บรรจุผลิตภัณฑ์มาจำนวน 5 ขวดด้วยกันแบบนี้เลยยยย



           
งามขน๊าดดดดดด งามแต๊ๆ เห็นสีอันฟรุ้งฟริ้งแล้วอยากจะฉีดมันทุกลิ่นเลย เอาแบบวันละกลิ่น 5 วันทำการก็ฉีดมัน 5 กลิ่นไปโลยยยยยยยยยยยยยยยย อรั๊งงงง ._______.




            สำหรับกลิ่นแรกชื่อว่า ‘Passion Struck’  มีส่วนผสมของ Fuji apple และ Vanila orchid ขนาด 60 ml เป็นกลิ่นที่หอมแบบหวานอมเปรี้ยวนิดๆ เหมาะกับการฉีดเวลาไปงานที่เป็นทางการ เพราะกลิ่นเค้าจะดูเป็นผู้ใหญ่ สวยหรู ดูแพง ยิ่งฉีดทิ้งไว้นานๆยิ่งหอม ไม่รู้ยังไง แต่หยุดดมไม่ได้55555555





            กลิ่นที่สองชื่อ ‘Amber Romance’ เห็นชื่อแล้วแอบนึกถึงสาวแอมเบอร์ นักร้องวง f(X) 55555555 งานเกาหลีก็มาอีกแล้วนะคะผู้หญิงคนนี้ ฮือ .__. สำหรับกลิ่นนี้ก็ยังคงความเป็นผู้ใหญ่ไว้อยู่นะ แอบรู้สึกว่าเหมาะกับการฉีดในหน้าร้อน กลิ่นแบบซัมเมอร์ๆหน่อยๆ แต่ว่าไม่ฉุน ดีงามตามท้องเรื่องครับผม





           
พี่ชายยยยยยยยยย ไคลแมกซ์อยู่ตรงนี้ค่ะ!!! ‘Coconut Passion’ เหมือนคู่แท้ที่พัดพรากจาก BBW กลิ่น Warm Vanilla Sugar ยังไงยังงั้นนนนนนนน กลิ่นดีงามมมมมม หอมมมมมม หวานนนนนนน คุณหนูมว๊าก! ตอนที่ลองเทสแล้วได้กลิ่นตัวนี้นะ สต่งสติได้จากไปแล้ว กลิ่นเค้าจะแบบหอมหวานวานิลลา เหมือนได้กลิ่นขนมอยู่บนตัวตลอดเวลา คือต่างจากชื่อลิบลับเลยค่ะ เห็นว่า coconut ก็อาจจะนึกถึงมะพร้าวไรงี้ นี่บอกเลยไม่ใช่นะคะคุณขา งานดีงานปัง คุณหนูมากจริงๆ ท้าให้ไปลองจ้า






            กลิ่นที่ 4 นี่ก็ยังคงความดีงามและปังไว้ เรียกได้ว่าเป็นอีกตัวที่ชอบรองลงมาจากกลิ่นเมื่อกี้เลยสำหรับ ‘Love Spell’ กลิ่นเค้าจะออก floral นิดๆ เหมาะกับอากาศหนาวๆมาก ส่วนผสมมี Cherry blossom กับ peach เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจในความหอมของนางเลยนะคะ ถ้าใครเคยใช้ครีมหรือสบู่ของ Etude รุ่น Dress Room สีชมพู เราจะบอกว่ามันคือกลิ่นเดียวกันเลยค่ะ หอมแบบนั้นเลยจริงๆ ขอให้คะแนนได้มั้ย ให้ 100 เต็ม 10 เลย (ใจเย็นนะป้า U__U)




            กลิ่นสุดท้ายแย้ววววววว ‘Pure Seduction’ จะบอกว่ากลิ่นนี้ตอนแรกที่ฉีด ค่อนข้างไม่ถูกใจนะ เพราะมันหอมแบบหอมพุ่งง่ะ กลิ่นทะลุทะลวงไปถึงโสตประสาท หอมจนมึนไปเลยทีเดียว55555555555555 แต่พอทิ้งไว้ซักพักนึง เอ๊ะ กลิ่นนางแอบคล้าย Love Spell อยู่นะ งงดิๆ เราก็งง หรือจมูกเราเพี้ยนไม่รู้นะคะ เง้อ T__T แต่โดยรวมแล้วกลิ่นดีงามค่ะ เหมาะกับวันสดใสๆ ฉีดเพิ่มความมั่นใจในการไปลุยงานต่างๆได้อยู่ อิ้ๆ



            


            สำหรับความเห็นส่วนตัว โดยรวมแล้วถือเป็นกิ๊ฟเซ็ตที่โอเคมากๆถ้าจะมอบให้เป็นของขวัญในช่วงปีใหม่นี้ ตัวผลิตภัณฑ์ดีงามตามยี่ห้อเลยค่ะ สามารถเลือกใช้ได้ตามอารมณ์เลยว่าวันนี้อยากได้ลุคแบบไหน ซึ่งเราว่า 2 กลิ่นแรกค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ สุภาพ ส่วน 3 กลิ่นสุดท้ายออกแนวสาววัยแรกรุ่นนิดๆ หอมหวาน น่าร้ากกกกกกกกกก แอร้ย (คนเขียนไม่ค่อยลำเอียงเลยเนาะ)

            ยังไงก็ขอฝากรีวิวนี้ไว้เป็นไอเดียที่จะช่วยให้ทุกคนมีตัวเลือกในการหาของขวัญดีๆซักชิ้นนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันหยุดยาวที่จะมาถึงนี้ พบเจอแต่สิ่งดีๆทั่วกันเลยนะค้า

             ขอบคุณมากครับผม ^++++++^           





** รีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของคนเขียน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ **








วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

[Nirinn96*Review] Blush On Pt.2



สวัสดีค่า ฮิๆ เจอกันอีกแล้ว วันนี้มาพร้อมกับเครื่องสำอางชิ้นเด็ดที่เชื่อว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับใครหลายๆคน
เห็นหัวเรื่องก็คงจะทราบกันแล้ว “Blush on Part 2” ครับผม เย้! ก็เป็นภาคต่อจากเมื่อปีที่แล้วที่เคยทำรีวิวบลัชออนในกรุของเราไว้นะคะ (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านภาคแรก เดี๋ยวเราแปะลิ้งไว้ให้เนาะ ฮี่ๆ)

Blush on Part 1 >> http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=168204

เราจะมารีวิวบลัชทั้งหมดที่เรามีตอนนี้พร้อมกับปาดสีให้ดูกัน เผื่อไว้เป็นทางเลือกให้ใครที่กำลังตัดสินใจถอยบลัชออนอันใหม่ ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความละน้า มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่า




อันนี้เป็นหน้าตาภาพรวมของทั้งหมดที่เราจะรีวิวให้ดูในนี้นะคะ






 


อันแรกที่จะพูดถึงคือ 3 Concept Eyes Face Blush สี LOVE FILTER

งิ้งงงง ประเดิมกันด้วยแบรนด์สัญชาติเกาหลีอีกแล้ว (อย่าเพิ่งเบื่อเก๊านะตัววว) บลัชนี้ได้มาจากกิเลสส่วนตัวล้วนๆ คือชอบพรีเซนเตอร์แบรนด์นี้ สาวปาร์คโซราคนสวยนั่นเองค่ะ ก็ไม่มีอะไรมาก เปิดรีวิว เว็บนั่นนี่ไปเรื่อยตามประสาผู้หญิงที่รับประทานเครื่องสำอางแทนข้าว #เดี๋ยวนะ แล้วทีนี้ก็ไปเจอแบรนด์ 3CE โหยยยย แม่ขา ตาลุกวาว หนูจะเอาบลัชออนยี่ห้อนี้!!! วอแวเลือกสีอยู่นานมากกว่าจะได้มา มันสวยทุกสีอะพูดจริงๆนะ T_T
เราได้มาจากร้านหิ้วเครื่องสำอางร้านหนึ่ง ณ ห้างย่านลาดพร้าวที่ไม่ใช่เซ็นทรัล55555 พอกลับมาถึงบ้านก็แกะเลยค่ะ ประเดิมด้วยความฟินว่าปัดออกมาแล้วฉันจะสวยแบบปาร์คโซรา.................................
แต่บางทีกิเลสที่มีมันอาจจะทำให้ผู้หญิงคนนี้หลงลืมไปว่าสีผิวตัวเองกับสาวเกาหลีมันห่างกันไกลม๊ากกกกกกก ไกลลื้มมมมมมมมมมม เพราะฉะนั้นปัดรอบแรกสีไม่ติดครับ แป่ววว ปัดๆโบกๆอยู่ประมาณ 3 รอบนะคะสีถึงจะติดเป็นรูปเป็นร่าง..เราว่าถ้าเป็นสาวๆที่ผิวขาวหน่อยอาจจะไม่ต้องลงเยอะเท่านี้
 ถ้าถามเรา เราว่าเนื้อสีอยู่ในระดับที่โอเคนะ ปาดง่ายดี เหมาะสำหรับวันเบาๆสบายๆ ส่วนตัวจะชอบลงครีมบลัชสีชมพูก่อนและปัดทับเพื่อเซ็ตให้ติดทนด้วย 3CE อันนี้
ให้คะแนน 3.5/5 หักเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูง + สีที่อ่อนไปนิสนุงฮับ








บลัชออนอันต่อไป เฮ้ยยย นายยยยย หน้าตานายคุ้นๆนะว่าไหมมมมมมมม
Sleek Blush สี Flamingo บลัชออนคู่ใจที่รีวิวไปแล้วรอบนึงในกระทู้ก่อนหน้านี้ (Nirinn96 Must Have Items) สำหรับบลัชอันนี้ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว คือดีงาม สีสวยมาก ปัดแล้วฟรุ้งฟริ้งที่สุด ให้คะแนนเลยดีกว่า (มาเร็วเคลมเร็วนะยูวว์) เราให้ 5/5 เลยค่ะ ไม่มีอะไรจะหักเพราะรักมากจริงๆ ถึงแม้จะนอกใจไปใช้อันอื่น แต่ยังไงสลีคคือที่สุด คุ้มค่าสมราคามากๆ เลิฟ








Essence Bronzing Compact Powder #Shimmer หน้าตาอาจจะดูเหมือนมาผิดหมวด เพื่อนๆอาจจะคิดควรไปอยู่กับบรอนเซอร์มั้ย จริงๆก็คือบรอนเซอร์แหละค่ะ เพียงแต่เป็นเนื้อชิมเมอร์วิ้งๆ ซึ่งเราไม่ชอบ เราเป็นคนที่เชื่อว่าการจะกลบจุดด้อยนั้นก็ควรใช้อะไรที่เป็นเนื้อแมท ยิ่งใช้แบบวาวๆเวลาโดนแสงยิ่งเน้นให้มันชัด เพราะฉะนั้นเราเลยเอามาทำเป็นบลัชออนแทน คือจะบอกว่าสีนางสวยนะเออออ ปัดแล้วได้ลุคแก้มบ่มแดด นี่ถ้าผิวแทนกว่านี้นะ ปัดอันนี้คู่กับลิปสีส้มนู้ดนะ โฮร้ยยยยยย แซ่บลื้ม UU
เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นสีน้ำตาลอมแดงหน่อยๆ มีชิมเมอร์สีทองที่สวยหรูดูแพงแซมอยู่ สิ่งที่ชอบอีกอย่างนึงคือปัดไปเถอะค่ะ จะหนักมือแค่ไหนก็สวย ไม่รู้คนอื่นที่ใช้แล้วจะว่าไงนะ แต่ส่วนตัวชอบค่ะ เป็นอะไรที่ปัดได้แบบไม่ต้องยั้งมือ5555
ให้คะแนน 5/5 คุณภาพโอเคแล้ว ราคายิ่งโอเคกว่า 175 บาท ครับผม







E.l.f. HD Blush สี Superstar ตัวนี้เป็นครีมบลัชที่เราได้มาพร้อมกับสลีคอันบนนู้น (ต้องขอบคุณเพื่อนสาวที่น่ารักที่ช่างสรรหาของดีๆแบบนี้มาให้) เป็นครีมบลัชที่ดีอีกตัวเลยล่ะค่ะ สีแน่นมากกกกกกกกก เพราะฉะนั้นจึงต้องมีสติอย่างมากในการบีบเนื้อครีมออกมาแล้วปาดลงบนแก้ม พึงระลึกไว้ว่าเมื่อไหร่ที่บีบเกินขนาดก็กรุณาตัดใจปาดส่วนที่เกินลงบนทิชชู่ซะ อย่าจับทั้งหมดนั้นปาดลงบนหน้าเด็ดขาดถ้าวันนี้คุณไม่อยากแปลงร่างเป็นงิ้ว T___T เราชอบลงอันนี้ก่อนแล้วตามด้วยบลัช 3CE จะช่วยให้สีแน่นขึ้นและสวยขึ้นประมาณสิบสเต็ปค่ะ อิๆ
ให้คะแนน 5/5 ค่า






 Etude House Color Lips Fit สี OR201 คุณพี่คนนี้ก็หน้าตาคุ้นๆเนอะ ของแบรนด์นี้เค้าดี แพคเกจสวย ราคาไม่เกินเอื้อมมาก แล้วจะหลุดรอดไปได้อย่างไรชิมิคะ อย่างที่เคยบอกว่าซื้อเพราะอ่านรีวิว พี่ๆหลายคนทาละเกิดมาก แต่เราไม่ ของเราทาแล้วควรไปเกิดใหม่55555555555555555 นางไม่ควรอยู่บนปากเรา เพราะฉะนั้นเราจึงต้องย้ายนางไปทำหน้าที่อื่น คอนเฟิร์มเลยนะคะว่าแตะเบาๆลงบนแก้มแล้วตบแป้งฝุ่นทับนะ ไฮโซวววววววววววววว
ช่วงนี้เลยหยิบใช้ค่อนข้างบ่อยเพราะเข้ากับสไตล์การแต่งหน้าแบบขี้เกียจๆของเรา มันทำให้หน้าไม่โทรม พวงแก้มเปล่งปลั่งแบบสาวเกาหลี ปาร์คโซรามาเอง (ปาร์คโซลา....ลาก่อน555555555)
ให้คะแนน 1000000000/5 (ได้ข่าวเต็ม 5 มั้ยคุณขา?)







อย่างสุดท้าย ท้ายสุดของวันนี้ เห็นหน้าค่าตาคงไม่ต้องบอก เป็นสิ่งที่เวิ่นเว้อมากหลังจากดูเปิดโต๊ะเครื่องป้าของพี่จูน (jellyfatfish) แล้วก็ Swatches สีของพี่ Noyneung โฮวววววววววววววว คือสวย คือดีงาม คือพังมาก รีบไปจัดการสอยมาอย่างด่วนๆค่ะ เพิ่งแกะแล้วปาดทำรีวิวสดๆร้อนๆเลย

4U2 THIS&THAT ที่ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นได้ทั้ง อายแชโดว์ บลัชออน บรอนเซอร์ รวมถึงไฮไลท์ มาในแพคเกจที่ให้เราสนุกกับการมิกซ์สีเอง แกะๆถอดๆตามใจฉัน





ได้มาในราคาสีละ 134 บาท ซื้อครบ 3 สี แลกซื้อตลับได้ในราคา 134 บาทเช่นกัน (ประหยัดไป 60 บาทแหนะตัว เพราะปกติตลับราคา 194 บาทฮับ) บอกเลยว่าพิกเม้นต์แน่นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อยากจะปา ก.ไก่ ใส่ซักล้านตัว ไม่คิดว่าจะแน่นได้ขนาดนี้ สำหรับราคาร้อยสามสิบกว่าบาทนี่มันดีมากจริงๆยูวว์ โทนสีที่เราเลือกมาเรียงจากซ้ายไปขวานะคะ

109 Dark Chocolate ตัวนี้ตั้งใจมาทำเป็นบรอนเซอร์ แล้วก็อาจจะเอามาเขียนคิ้วด้วยถ้าเผื่อย้อมผมสีอ่อน

201 Cherries Jubilee ชื่อสีเค้าดูจุบุจิบินะ แต่สีนี่ไฮโซโก้เกร๋ฝุดๆ ปาดฉึบเดียวอยู่ค่ะ ติดทนแบบล้างด้วยรีมูฟเวอร์สองรอบไม่ออกด้วย ;__;

203 Cotton Candy น่ารักกรุบกริบ สีส้มอมชมพูหน่อยๆ  ยังไม่มีโอกาสได้ลองเทสบนแก้มนะคะ แต่คิดว่าต้องเบามืออย่างมากๆ เพราะสีแน่นมากจริงๆ ไว้ถ้ามีโอกาสจะต้องไปสอยมาไว้ในคลังแสงอีกแน่นอนค่ะ
ปล. แอบบอกนิดนึงว่าตอนเลือกสีที่เคาน์เตอร์ให้ใจเย็นๆ ดูดีๆนะคะ เพราะไฟในร้านทำให้สีเพี้ยนไปพอสมควรฮับ
ให้คะแนน 5/5 เอาใจไปเลย อิๆ

ก่อนจบกระทู้วันนี้เรามี Swatches สีให้ดูกันด้วย จะได้ตัดสินใจกันง่ายขึ้นน้า ^+++^






จากบนลงล่าง
1.       4U2 THIS & THAT #109 Dark Chocolate
2.       4U2 THIS & THAT #201 Cherries Jubilee (อยากให้ดูความแน่นของสี U.U)
3.       4U2 THIS & THAT #203 Cotton Candy
4.       3CE Face Blush #LOVE FILTER (สีนี้ปาดไป 4 รอบนะคะ)
5.       Sleek Blush #Flamingo
6.       Essence Bronzing Compact Powder #Shimmer




รีวิวทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวของเรา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะทุกคน แล้วพบกันใหม่คราวหน้าจ้า 
ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบ ♥♥♥♥♥♥








[Nirinn96] MUST Have Items 2014!


สวัสดีค่ะทุกคนนนนนนนนนนน! ห่างหายจากการรีวิวครื่องสำอางไปปีกว่าๆ 
นานจนลืมรหัสผ่านของเว็บไปเลยทีเดียวเชียวล่ะ T_____T

วันนี้วันดี ฤกษ์ดีมีชัย(?) ไม่ใช่อะไร สารภาพว่า “ว่าง” ค่ะ...เนื่องจากมหาลัยเลื่อนเปิดเทอมตามแบบอาเซียน.. ซึ่งเท่ากับว่าเรานั้นปิดเทอมแห้งเหี่ยวอยู่บ้านมาเกือบจะ 6 เดือนแล้ว กินก็แล้ว นอนก็แล้ว อืดจะแย่แล้ว ก็ยังไม่หายเบื่อซักที เลยถือโอกาสเคาะสนิมปัดฝุ่น กลับมาอัพบล็อกกันซักกะนิดดีกว่า อิๆ

ที่จะมารีวิววันนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วบนหัวเรื่องเนอะ “Must Have Items” ชะละล่า ใช่แล้วครับผมมมม เราจะมารีวิวเครื่องสำอางที่ใช้ประจำและขาดไม่ได้ ซึ่งบอกก่อนเลยว่าทุกสิ่งอย่างนั้นผ่านการทดลองใช้ด้วยตัวเราเองมาหมดแล้วทุกชิ้น ใช้มานานม๊ากกกกกกก รวมถึงบางตัวนั้นถึงขั้นใช้ซ้ำไม่ปันใจไปให้ตัวอื่นเลยด้วย ฮี่ๆ อยากรู้กันแล้วใช่มั้ยล่ะคะ เดี๋ยวเราไปดูภาพรวมกันเลยดีกว่าเนอะ




(แต่งรูปจนเสร็จหมดแล้ว เพิ่งเห็นว่ามีซัมติงบางอย่างโดนบัง ;___; มันคือแป้ง Ben Nye ที่สาวๆจีบันคุ้นเคยกันดีนี่แหละค่ะ ขออภัยในความเบลอของเราด้วยน้า5555)



มาค่ะ จะช้าอยู่ไย มาเริ่มที่สรรพสิ่งจิงกะเบลอย่างแรกกันเลย อยู่ในหมวด Foundation ที่เราใช้โบกหน้าก่อนออกนอกบ้าน




คุณพี่สองตัวนี้มาจากแบรนด์เกาหลี๊เกาหลีที่แฟนๆโทมินจุนชี่แบบเราคงรู้จักดี Etude House ค่า
จากด้านซ้ายที่เป็นตลับกลมๆมีติ๊กเกอร์เสี่ยวๆติดอยู่ คือ

Etude Precious Mineral Any Cushion SPF50+/PA+++#W13
ตัวนี้เราพรีออเดอร์มาจากในเว็บนะคะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 500 กว่าบาท เพราะฉะนั้นสีตลับอาจจะต่างจากในช็อปที่เป็นตลับสีชมพูเนาะ สำหรับตัวนี้ประทับใจตรงความผ่อง ปาดฉึบๆในวันเร่งรีบก็จะได้ลุคใสๆไม่หนักหน้า แถมกลิ่นยังหอมมากๆอีกด้วย แต่เราว่าบางทีใช้เดี่ยวๆมันขาวเกินไป เราเลยชอบเอามาผสมกับเจ้าหลอดข้างๆซึ่งเป็นบีบีครีมเหมือนกัน

Etude Precious Mineral BB Cream Cotton Fit SPF30/PA+ # W24
สำหรับเจ้าบีบีอันนี้เป็นสีเข้มสุดนะคะ ซึ่งมาอีหรอบเดิม ปาดเดี่ยวแล้วหน้าหมอง เราคิดว่าคงมาจากการที่ไม่ค่อยได้โดนแดด ผิวเราเลยอาจจะขาวขึ้น แต่ก็ยังขาวไม่สุดถึงขั้นจะใช้สี W13 ได้ เพราะฉะนั้นตัดปัญหาจับสองสีมาผสมกันซะเลย
พูดถึงเรื่องคุมมัน เราว่าค่อนข้างคุมมันได้ดีพอสมควรเลยนะคะ ไม่ต้องใช้ไพรเมอร์หรือเบสลงก่อนก็ช่วยให้หน้าผ่องได้
ไม่เยิ้ม ไม่ไหล ไม่ต้องเติมระหว่างวันด้วย สรุปคือ โอเคเลย ขาดเธอไม่ได้อย่างแน่นอน




มาถึงชิ้นต่อไปก็ยังคงอยู่ที่แบรนด์เดิม ฮือ รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้เลิฟโทมินจุนชี่และผองเพื่อนมากขนาดไหน55555555
คือโดยส่วนตัวรู้สึกโอเคกับเครื่องสำอางยี่ห้อนี้จริงๆค่ะ ราคาไม่เกินเอื้อมมาก แถมยังได้ลุคใสๆสมวัยนักศึกษา และที่สำคัญแพคเกจของนาง ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งชวนสอยเสมอ อย่าๆ อย่ามองเก๊าแบบนั้น เก๊ารู้คุณก็เป็น .____.
เห็นหน้าค่าตากันแล้ว เชื่อว่าคงเป็นชิ้นโปรดของใครหลายๆคน
Etude House Surprise Stick Concealer #2 สำหรับผิวขาวเหลือง-ผิวสองสี
เราว่านางเริ่ดนะ นางเอาแพนด้าตัวใหญ่สองตัวใต้ตาเราอยู่อ่ะ แถมใช้ง่าย สะดวก ปาดฉึบๆ ใต้ตาสว่างบริ๊ง แถมยังไม่ตกร่องด้วย บางทีมีสิวก็ใช้กลบสิวได้ แบบไม่ก่อกวนให้พี่สิวเห่ออีก แล้วจะให้ตัดใจจากนางได้ยังไงชิมิคะ
แอบกระซิบอีกอย่างคือปริมาณคุ้มฝุดๆ เป็นคอนซีลเลอร์ตัวแรกที่เราใช้ ใช้มานานแบบนานมากกกกกก นางพึ่งจะพร่องไปแค่ครึ่งเดียวเองค่ะ ยกให้เลยที่หนึ่งในดวงใจ จุ๊บๆ




ฮันน่อววว ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆให้ลึกซึ้ง คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว สำหรับแป้งยอดฮิตตัวนี้
Ben Nye Luxury Powders สี Buff ขนาด 1.5 oz
ถามจริง คุ้มกว่านี้มีอีกหม้ายยยยยยยยยยยยยยยย ลากเสียงยาวๆ เพราะมันคุ้มจริงๆอะยูววว์
เป็นอีกตัวที่ใช้มานาน ใช้ทุกวัน ใช้แล้วใช้อีก แอบทำหกด้วย แต่คุณพี่เพิ่งจะหมดไปแค่นี้ (ตามที่เห็นในรูปเลยจ้ะ) คือแบบบบบบบบ คุ้ม!!!! คุ้มค่ากับราคาที่ตำมา ตอนแรกแอบลังเล ไม่กล้าซื้อ เพราะรู้สึกว่ามันกระปุกเล็กไม่สมราคา แต่ตอนนี้กล้านั่งยัน ยืนยัน นอนยันว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ซื้อมา
พูดถึงความกริบของนาง..คือไม่ยอมใครจริงๆ คอนเฟิร์มเลยว่าใช้กับแปรงแล้วปัดเบาๆให้ทั่วหน้าหลังลงพวก Foundation นะ โอโห รอดค่ะ! อยู่ทนอยู่นาน ผ่องเช้ายันเย็นเลย




ต่อไปมาถึงหมวดอำพรางใบหน้ากันบ้าง

Etude House Aloha V Slim Line Maker เบอร์ 01 Wood Brown

 

เป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆ เห็นได้ชัดว่าด้านซ้ายจะยุบไปก่อนเยอะมากกกกกกกกกก

สำหรับฝั่งบรอนเซอร์ นางคือตัวที่ทำให้หน้าแลดูเรียว จมูกแลดูมีดั้ง (เฉพาะมุมตรง) เสยมุมข้างมาก็โอเคค่ะบาย ความลับเปิดเผยว่าดั้งไม่มี ถถถถถถถถถ ไม่มีอะไรจะว่าให้มากความ เพราะของเค้าดีจริงๆ

มาพูดถึงฝั่งขวา ด้านไฮไลท์ เป็นสีทองวาวๆวิ้งๆ ซึ่งเราเอามาใช้ทาหัวตาแทน Tear Drop Liner บอกเลยว่ามันเลิศศศศ ตาดูสว่างสดใส บริ๊งมากกกกก ที่สำคัญคือน่าจะใช้ได้นาน คิดว่าคงหมดอายุก่อนใช้หมดนะคะ เพราะปาดเท่าไหร่นางก็ไม่ลดซักที5555



 


 ตระกูลบลัชออนคู่ชีพ ก็ยังเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ยังถอนตัวจาก Sleek ไม่ขึ้น หลังจากที่เคยรีวิวบลัชออนไว้เมื่อปีที่แล้ว แต่มาปีนี้ก็ขอเปลี่ยนสีกันหน่อย คือสารภาพว่าอันเก่าที่รีวิวไปยังไม่หมดนะคะ แค่ไม่ค่อยได้หยิบมาใช้ เพราะเจอสีที่ถูกใจกว่าแล้ว

Sleek makeup blush # Flamingo 
แค่ชื่อสีก็ฟรุ้งฟริ้งฟลามิงโก้ละปะเธอ บลัชตัวนี้ได้มาจากเพื่อนสนิทค่ะ เป็นของขวัญวันเกิดที่ถูกใจมากถึงมากที่สุด ตอนแรกก็แอบกลัวๆสีนางนะ แบบ เฮ้ยยย ทำไมของจริงสีมันแปร๊ดงี้ฟะ ปัดแล้วจะรอดเหรอ
สรุปคือรอดนะคะ ปัดหลังลงบีบีครีมเสร็จ แล้วตบด้วยแป้งนะ หืมมมมมม ทิ้นต์ก็ทิ้นต์เหอะ เจอบลัชออนอันนี้ไปนะ แก้มงี้ใสอมชมพูแบบธรรมชาติสุดๆ  รักเลย


ส่วนอันข้างๆกัน เพื่อนๆอาจจะรู้จักกันในหมวดลิปสติก

Etude House Color Lips - Fit สี OR201 
ได้มาเพราะกิเลสที่ดูรีวิวตามเว็บต่างๆ คือทำไมแต่ละคนปาดแล้วสวยขนาดเนร้ ไม่ได้ละ ต้องตำมาบ้าง ผลสรุปคือ มันไม่เข้ากับปากเรา ฮรือวววววววววววววววววววววววว ใช้แล้วปากลอย หน้าดำอย่างบอกไม่ถูก เลยเอามาทาแค่ด้านในปากแล้วเอาลิปสีอ่อนกว่ากลบ แต่พักหลังเจอลิปสติกที่ดีกว่า ก็เลยเอานางมาใช้ทำอย่างอื่น
แล้วเราก็ค้นพบ! นางสวยมากถ้าอยู่บนแก้มค่ะคุ๊ณณณณณณณณณณ ไม่ต้องมีคำบรรยาย (อีกแล้ว) วันไหนอยากได้แก้มสีส้มอมชมพูก็จัดการเลยค่ะ แต้มนางลงบนแก้มเบาๆ ย้ำว่า เบาๆ นะคะสาวๆ เกลี่ยๆ ตบแป้งฝุ่นทับ เลิศอีกแล้วค่า ติดทนเช้ายันเย็นจริงๆ เป็นอีกอันนึงที่ขาดไม่ได้ ช่วงนี้แอบหยิบใช้บ่อยกว่าสลีคด้วย ;_______;




โปรดอย่าตกใจกับความกรังของลิปสติกนะคะ เขิน5555
อาจจะงงๆว่ายี่ห้อนี้มีสติ๊กเกอร์เด็กอนุบาลติดมาด้วยเหรอ คือไม่ใช่นะ เราติดเอง กรั่กๆ

Wet n Wild สี Just Peachy และ Bare it All
สียอดฮิตของแบรนด์นี้เลยแหละเนาะ คือจะว่ายังไงดี คือรักอะ55555555 สวยมาก พิกเม้นต์แน่นมาก ลิปสติกอะไรคะ ฮือ
เป็นลิปที่ทาเดี่ยวก็รอด จับมาผสมกันก็รุ่ง โฮร้ยยยยยยยย สี Just Peachy จะเป็นสีชมพูที่ไม่แปร๋นมาก ไม่ถึงกับบาร์บี้ สามารถทาไปได้ทุกโอกาส ได้ทุกสีผิว เช่นเดียวกับ Bare it All นู้ดอมชมพูที่ทาไปงานไหนก็รอด ไม่แต่งหน้าแล้วทายังรอด ได้ลุคสวยหรูดูแพง สวยแบบสุภาพด้วยค่ะ
สำหรับเรื่องราคา ถ้าเป็นตามเคาน์เตอร์ของแบรนด์นี้ที่มีอยู่ในวัตสันหรืออีฟแอนด์บอย ราคาจะอยู่ที่ 139 บาท แต่ ประเด็นคือไปไม่เคยทัน ของหมดก่อนตัลหลอดดดดดด สุดท้ายก็ต้องมาพึ่งร้านเครื่องสำอางซึ่งบอกเลยว่าให้ใจเย็นๆนะคะ ค่อยๆเลือกซื้อ เพราะราคามีอยู่ที่ 130-270 บาท ขุ่นพระ กำไรแบบเท่าตัวเลยทีเดียว เพราะงั้นมีสติในการซื้อของนะทุกคน

ทางด้านขวาสุดคือ
Maybelline Baby Lips Dr.Rescue
ลิปมันที่ช่วยบำรุงริมฝีปากของเราไม่ให้แห้ง ทาทิ้งไว้ก่อนนอนและก่อนลงลิปสติก ช่วยให้สีลิปติดทน ไม่ตกร่อง รักมาก ถูกจริตมากจริงๆ ใช้มาเข้าแท่งที่ 3 แล้วครับผม อิๆ




ใกล้จะจบกับใบหน้าแล้ว เย้ มาถึงหมวดสุดท้าย ที่ยังไม่ท้ายสุด คือหมวดตาและคิ้วนะฮับบบบ
พี่เบิ้มด้านซ้ายหลอดสีฟ้าๆคือมาสคาร่าที่มีหัวแปรงอันใหญ่เท่าบ้าน! (ไม่ได้แซะนะ นี่คือเรื่องจริง)


Essence Get Big Lashes Volume Boost Waterproof mascara

ตามจริงเคยอ่านรีวิวของขุ่นแม่บล็อกเกอร์ทางตะวันตกมาบ้างนะ แต่ไม่คิดว่านางจะอันใหญ่ขนาดนี้5555
เราซื้อมาตอนร้าน Tsuruha ลดราคา เป็นอะไรที่เวิร์คมากจริงๆ ขนตาหนา ยาว สะพรึงแบบไม่ต้องพึ่งขนตาปลอม มันดีอะ อยากให้ไปลองดูนะคะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 130-140 บาท เทียบกับปริมาณแล้วคือคุ้ม เหมาะกับนักศึกษาแบบเราๆจริงๆ

อันต่อไปข้างๆกัน แน่นอนว่าเป็นที่หนึ่งในใจสาวๆอยู่แล้วแหละเนอะ
Etude House oh my eye line liquild eye liner
อายไลเนอร์ราคาเบาๆที่ใช้ง่ายที่สุดในสามโลก แถมยังทนมาก ไม่แพนด้าระหว่างด้วย ตอนนี้ก็ใกล้จะหมดแล้ว เดี๋ยวต้องไปซื้อมาตุนไว้ก่อน เพราะมั่นใจว่าคงไม่เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นแล้วจริงๆ

สุดท้ายสำหรับหมวดนื้นะคะ
Skin Food Black bean eye brow pencil #3 สีดำอมน้ำตาล
ดินสอเขียนคิ้วที่ขาดไม่ได้ มีสต็อกตุนไว้เพียบเผื่อเลิกผลิต55555555555555555555555 คือของเค้าดีอะ ใครจะว่าไงไม่รู้แต่สิ่งนี้ถูกจริตกับเราที่สุด เราไม่ชอบดินสอเขียนคิ้วที่หัวตัดๆเฉียงๆอะ เรามือหนัก ปาดแล้วชอบหัก คือเสียดาย ;(
มาเจออันนี้นี่คือใช่เลย คู่แท้ที่พี่ตามหามานาน ใช้ง่าย สะดวก ด้านนึงเป็นดินสอ อีกด้านเป็นหัวแปรงไว้ปัดเพื่อความกลมกลืน รักครับ เฮ้



อย่างสุดท้ายสำหรับวันนี้

Bath And Body Works Warm Vanilla Sugar Body Cream

 

ก็ไม่ได้ชอบมากนะคะ ก็แค่เข้าหลอดที่ 7 ที่ใช้มาแล้ว (ขอเตะที555555)

ครีมอะไรรรร ทำไมถึงหอมขนาดนี้ หอมแบบติดเสื้อผ้า หอมฝังผิว หอมมาแต่ไกล หอมจนเดินมาแล้วเพื่อนจำกลิ่นได้555555555555555555555555555555555555555

ชอบจริงๆครีมตัวนี้ T_T ถ้าจะถามเรื่องสรรพคุณ สำหรับเราทาแล้วก็ไม่มีการบำรุงอะไรนะ ไม่ได้ทำให้ผิวดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่ได้กันแดดอะไร แต่ที่ใช้เพราะมันหอม แค่นั้นจริงๆ

เป็นอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ แล้วก็คงไม่มีอะไรมาแทนนางได้แน่นอน คอนเฟิร์มห่ะ

 

 

เย้ เย ก็จบแล้วนะคะ สำหรับไอเท็มที่ขาดไม่ได้ทั้งหมดของเรา ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆที่ตามหาไอเท็มคู่กายอยู่..สำหรับกระทู้นี้ ทุกอย่างเป็นความเห็นส่วนตัวของเรา โปรดใช้วิจารณญาณประกอบการอ่านนะคะ 

ไว้เจอกันใหม่จ้า